ถั่วแปบช้าง

ชื่อ : ถั่วแปบช้าง

ชื่อสามัญ : Silky afgekia

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Afgekia sericea Craib

ชื่อวงศ์ : PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE

ชื่อท้องถิ่น : กันภัย (สระบุรี), กันภัยใบขน (กรุงเทพฯ), ปากีเดิด (มหาสารคาม)

 

ลักษณะ

ต้นถั่วแปบช้างจัดเป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันกับต้นไม้อื่น เป็นพุ่มแน่น ทอดเลื้อยยาวได้ถึง 15 เมตร เถาเป็นสีน้ำตาลมีลักษณะกลมเรียบ ทุกส่วนของต้นมีขนสีขาวนุ่มขึ้นปกคลุม ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและปนทราย ชอบความชื้นปานกลาง แสงแดดจัดหรือกลางแจ้ง มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยพบขึ้นกระจายห่าง ๆ ทางภาคกลางที่จังหวัดสระบุรี
และทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ ปราจีนบุรี และบุรีรัมย์ แต่จะไม่พบบนภูเขาสูงที่มีอากาศหนาวเย็นจัด โดยมักจะขึ้นทั่วไปตามป่าเต็งรังและตามป่าดิบแล้ง
ที่ระดับความสูงจนถึงประมาณ 300 เมตร

 

ใบถั่วแปบช้างใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงสลับตรงข้าม มีใบย่อยประมาณ 13, 15 หรือ 17 ใบ แกนกลางเป็นร่องด้านบน เป็นครีบคล้ายปีกชัดเจนช่วงปลายก้าน ยาวประมาณ 15-23 เซนติเมตร
ก้านใบประกอบยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร โคนโป่งพอง ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ส่วนก้านใบย่อยยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปรีหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายใบแหลมหรือมนมีติ่งแหลม โคนใบกลมหรือมนเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดยาวประมาณ 4-8 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบมีขนสีขาวเป็นมันขึ้นปกคลุม เส้นใบมีข้างละ 6-8 เส้น หูใบออกเป็นคู่ แนบติดกับโคนก้านใบ
ลักษณะเป็นรูปเคียวเบี้ยว ยาวประมาณ 5-2 เซนติเมตร ส่วนหูใบย่อยจะติดกันเป็นคู่ ลักษณะเป็นรูปเส้นด้าย ยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร ติดทน

 

ดอกถั่วแปบช้างออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง มีใบประดับสีชมพูเรียงกันแน่นที่ปลายช่อ ใบประดับมีขนนุ่น ดอกย่อยเป็นสีชมพู ลักษณะเป็นรูปดอกถั่ว กลีบดอกมี 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน ด้านนอกมีขนสีขาว
ส่วนกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ ที่โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย สีชมพู ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านเกสรเชื่อมติดกัน เมื่อดอกบานจะมีขนาดกว้างประมาณ 3-3.5 เซนติเมตร โดยดอกจะทยอยบานจากโคนช่อไปสู่ปลายช่อ ออกดอกในช่วงฤดูฝน (ช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม) ส่วนอีกข้อมูลระบุว่า ใบประดับมีลักษณะเป็นรูปไข่กว้าง ปลายเรียวแหลม โคนเป็นรูปหัวใจ โอบรอบก้านช่อดอก ยาวประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร
ติดทน ออกดอกเป็นช่อยาวแบบเชิงลด โดยจะออกตามซอกใบหรือที่ปลายกิ่ง บางครั้งแยกแขนงใกล้โคน มีความยาวได้เกือบ 1 เมตร ดอกย่อยมีจำนวนมากจะอัดตัวกันแน่นเป็นกระจุก เรียงเวียนสลับรอบแกนช่อ
ใบประดับย่อยเป็นรูปหอกหรือรูปแถบ ปลายเรียวแหลม โคนเรียวสอบ ยาวประมาณ 3-3.5 เซนติเมตร ร่วงพร้อมดอก ก้านดอกยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงและใบประดับเป็นสีม่วง กลีบเลี้ยงเป็นรูประฆังกว้าง หลอดกลีบยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร เป็นรูปปากเปิด กลีบรูปลิ่มแคบ แยกเป็น 3 กลีบล่าง ขนาดยาวไม่เท่ากัน ยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ส่วน 2 กลีบบน ยาวประมาณ 7 มิลลิเมตร กลีบดอกเป็นสีเขียวอ่อนมีสีม่วงแซม กลีบปีกเป็นสีม่วงเข้ม กลีบกลางเป็นรูปรีกว้าง โคนกลีบคล้ายรูปหัวใจ ปลายเป็นติ่งแหลม ยาวประมาณ 5-3 เซนติเมตร พับงอกับมีเส้นกลางกลีบเป็นสันด้านนอก ส่วนด้านในเป็นร่อง เป็นสันนูนใกล้โคน มีสีเขียวแต้ม
ที่โคนมีเดือยลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม 1 คู่ ยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร กลีบปีกเป็นรูปขอบขนานเบี้ยวเล็กน้อย ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร กลีบคู่ล่างเชื่อมติดกันเป็นรูปตุ่ม มีความยาวเท่า ๆ กับกลีบปีก
ดอกมีเกสรเพศผู้ยาวได้ประมาณ 3 เซนติเมตร ปลายโค้งตามปีกล่าง อับเรณูเป็นรูปขอบขนาน ส่วนรังไข่รวมก้านยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร มีขนยาว ส่วนก้านเกสรเพศเมียจะยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร
เกลี้ยง ยอดเกสรเป็นตุ่ม

 

ผลถั่วแปบช้างผลมีลักษณะเป็นฝักแบนนูน รูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 7-9 เซนติเมตร และหนาประมาณ 3 เซนติเมตร ผิวฝักมีขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุม ฝักอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแตกออกได้ตามแนวตะเข็บ ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 2-3 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไข่มีลาย ก้านผลยาวประมาณ 5 เซนติเมตร

ประโยชน์

  1. เมล็ดใช้กินเป็นยาบำรุงไขมันและเส้นเอ็น เหมาะสำหรับคนผอม (เมล็ด)
  2. ตำรายาพื้นบ้านจะใช้รากถั่วแปบช้างผสมกับเปลือกต้นมะกอกเหลี่ยม เปลือกต้นหนามหัน และเปลือกต้นยางนา นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคอีสุกอีใสและซาง (โรคของเด็กที่มักมีอาการเบื่ออาหาร ซึม
    มีเม็ดขึ้นในปากและคอ ลิ้นเป็นฝ้า) (ราก)
  3. นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไปตามบ้านเรือนและตามสวนทั่วไป ช่อดอกมีความสวยงาม และมีลักษณะพิเศษ คือ ไม่ตายง่ายและไม่พักตัวเหมือนพืชเถาชนิดอื่น ๆ ถ้าปลูกในดินที่ดีแล้วจะออกดอกดกมาก
    (หากปลูกเพียงต้นเดียวจะไม่สามารถติดฝักได้ เนื่องจากไม่ผสมตัวเอง)
  4. ในด้านของความเชื่อ ถั่วแปบช้างถือเป็นไม้มงคลที่มีอิทธิฤทธิ์สมชื่อว่า “กันภัย”

แหล่งอ้างอิง

medthai.com/ถั่วแปบช้าง/

Scroll to Top