ผักหวานบ้าน

ชื่อ : ผักหวานบ้าน

ชื่อสามัญ : Star gooseberry

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sauropus androgynus (L.) Merr.

ชื่อวงศ์ : PHYLLANTHACEAE

ชื่อท้องถิ่น : ผักหวาน (ทั่วไป), มะยมป่า (ประจวบคีรีขันธ์), ผักหวานใต้ใบ (สตูล), ก้านตง จ๊าผักหวาน ใต้ใบใหญ่ ผักหลน (ภาคเหนือ), นานาเซียม (มลายู-สตูล), ตาเชเค๊าะ โถหลุ่ยกะนีเต๊าะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)

ลักษณะ

ต้นผักหวานบ้านจัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 5-3เมตร ลำต้นแข็งแตกกิ่งก้านระนาบไปกับพื้นหรือเกือบปรกดิน ลำต้นอ่อน กลม หรือเป็นเหลี่ยม เปลือกต้นขรุขระเป็นสีน้ำตาล ส่วนกิ่งอ่อนเป็นสีเขียวเข้มผิวเรียบ กิ่งเรียวงอเล็กน้อยตามข้อ ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดและการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในที่ลุ่มต่ำที่มีความชื้นพอเหมาะ ดินร่วนชุ่มชื้นและระบายน้ำได้ดี สามารถพบได้ตามป่าดิบแล้ง ป่าละเมาะ ป่าดิบชื้น
ที่โล่งแจ้ง ตามเรือกสวน หรือตามที่รกร้างทั่วไป

 

ใบผักหวานบ้านใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ รูปไข่แกมขอบขนาน รูปขอบขนาน หรือรูปคล้ายขนมเปียกปูน ปลายใบแหลม โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-3 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร ลักษณะของแผ่นใบเรียบเกลี้ยงทั้งสองด้าน หลังใบเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนท้องใบเป็นสีเขียวอ่อน เส้นแขนงใบมีข้างละประมาณ 5-7 เส้น โค้งเล็กน้อย เมื่อทำให้แห้งใบจะเป็นสีเขียวอมเหลือง
ก้านใบมีขนาดสั้น ยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร มีหูใบเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายแหลม ยาวประมาณ 1.7-3 มิลลิเมตร

 

ดอกผักหวานบ้านออกดอกเป็นช่อ โดยจะออกเป็นกระจุกตามซอกใบ เรียงไปตามก้านใบ ดอกเป็นดอกเดี่ยวแบบแยกเพศแต่อยู่บนต้นเดียว มีใบปรกอยู่ด้านบน ดอกมีขนาดเล็ก มี 2 ชนิด โดยตอนบนของกิ่งก้าน
จะเป็นดอกเพศเมีย ส่วนตอนล่างเป็นดอกเพศผู้ ดอกเพศเมียจะมีประมาณ 1-3 ดอกและดอกเพศผู้จะมีจำนวนมาก และดอกเพศผู้จะมีกลีบเลี้ยง 6 กลีบ กลีบดอก 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปจานกลมแบน สีน้ำตาลแดง
มีขนาดประมาณ 5-1 เซนติเมตร มีเกสรเพศผู้ 3 ก้าน ก้านเกสรเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉก 3 แฉก ส่วนดอกเพศเมียรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบ ดอกเป็นสีเขียวอมเหลือง โดยมีกลีบเลี้ยง 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่กลับ
ซ้อน เรียงเหลื่อมกันเป็นชั้น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ และกลีบเลี้ยงจะเป็นสีแดงเข้มหรือสีเหลืองจุดประสีแดงเข้ม โดยจะออกดอกในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน

 

ผลผักหวานบ้านลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-1.8 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1-1.3 เซนติเมตร ผลฉ่ำน้ำ ผิวผลเป็นพูเล็กน้อย ผลเป็นสีเขียวถึงสีขาว เมื่อแก่เต็มที่จะเป็นสีขาวอมเหลือง เมื่อแห้งแล้วจะแตกได้ ผลมีกลีบเลี้ยงสีแดงติดคงทนห้อยลงใต้ใบ ภายในผลแบ่งเป็นพู 6 พู ในแต่ละพูจะมีเมล็ด 1 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปครึ่งวงกลม เปลือกเมล็ดเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม
มีความหนาและแข็ง เมล็ดมีขนาดกว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร

ประโยชน์

  1. ใบและยอดอ่อนเมื่อนำมาลวก ต้ม หรือนึ่ง กินเป็นผักจิ้มน้ำพริก ลาบ ปลานึ่ง หรือจะนำมาประกอบอาหาร หรือใช้เพื่อเพิ่มรสชาติให้อาหารมีรสหวานตามธรรมชาติ เช่น แกงเลียง แกงอ่อม แกงส้ม แกงจืด แกงกับหมู แกงกับปลา แกงเขียวหวาน แกงกะทิสด แกงใส่ไข่มดแดง แกงเห็ด ผัดน้ำมันหอย ยำผักหวาน ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าผักหวาน ฯลฯ หรือนำไปแปรรูปเป็นน้ำปั่นผักหวาน ชาผักหวาน หรือเครื่องดื่มต้านอนุมูลอิสระ ฯลฯ
  2. ผักหวานบ้านเป็นผักที่มีวิตามินเอมากเป็นพิเศษ คือ ใน 100 กรัมจะมีวิตามินเออยู่สูงถึง 16,590 หน่วยสากล (บางรายงานระบุว่ามีวิตามินสูงถึง 20,503 หน่วยสากล) (วิตามินเอมีประโยชน์กับสายตามาก)
    และยังเป็นผักในจำนวนไม่มากนักที่มีวิตามินเค (วิตามินเคมีประโยชน์ในเรื่องการช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อมีบาดแผลแล้วเลือดออก ทำให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับวิตามินดีในการควบคุมระดับแคลเซียมในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างเซลล์กระดูกและเนื้อเยื่อในไต)
  3. คุณค่าทางโภชนาการของส่วนที่รับประทานได้ (ยอดอ่อนหรือใบอ่อน) ต่อ 100 กรัม ประกอบไปด้วย พลังงาน 39 แคลอรี, น้ำ 1%, โปรตีน 0.1 กรัม, ไขมัน 0.6 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 8.3 กรัม, ใยอาหาร 2.1 กรัม, เถ้า 1.8 กรัม, วิตามินเอ 8,500 หน่วยสากล, วิตามินบี 1 0.12 มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 1.65 มิลลิกรัม, วิตามินบี 3 3.6 มิลลิกรัม, วิตามินซี 32 มิลลิกรัม, แคลเซียม 24 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 68 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 1.3 มิลลิกรัม
  4. ผักหวานบ้านเป็นผักที่ช่วยในการขับถ่ายได้ดี ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้จากมลพิษทางอากาศ ช่วยในการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ
  5. ต้นผักหวานบ้านมีทรงพุ่มไม่ใหญ่โต ทรงกิ่งและใบดูงดงามคล้ายต้นมะยม มีใบเขียวตลอดปี มีดอกและผลห้อยอยู่ใต้ใบดูแปลกตาและสวยงาม อีกทั้งสีผลยังเป็นสีขาวตัดกับกลีบรองผลซึ่งเป็นสีแดง
    จึงมีความงดงามและดูเป็นเอกลักษณ์ จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับในบริเวณบ้านได้ดี และยังใช้ปลูกเป็นพืชผักสวนครัวก็ได้ เพราะเมื่อเด็ดยอดแล้วก็ยังสามารถแตกยอดได้ใหม่
    ยอดอ่อนและใบอ่อนมีรสชาติดีมีคุณค่าทางอาหารสูง ใช้ประกอบอาหารหลากหลายเมนู อีกทั้งพรรณไม้ชนิดนี้ยังเพาะปลูกได้ง่ายและมีความแข็งแรงทนทานอีกด้วย

แหล่งอ้างอิง

medthai.com/ผักหวานบ้าน/

Scroll to Top